BLACKPINK: LIGHT UP THE SKY จะพาผู้ชมเข้าไปทำความรู้จักสมาชิกทั้ง 4 คนของวง BLACKPINK
2020-10-12 19:40:23
Advertisement
คลิก!!!

BLACKPINK: Light Up the Sky 

มีกำหนดออกฉายทั่วโลกวันที่ 14 ตุลาคม 2020 ทาง Netflix 

กำกับโดย: แคโรลิน เซอ

 สร้างโดย: คาร่า โมเนส

 

โครงเรื่อง

BLACKPINK: LIGHT UP THE SKY จะพาผู้ชมเข้าไปทำความรู้จักสมาชิกทั้ง 4 คนของวงแบล็กพิงก์ ตั้งแต่ช่วงที่เป็นศิลปินฝึกหัดไปจนถึงช่วงประสบความสำเร็จระดับโลกในฐานะวงเกิร์ลกรุ๊ปเค-ป็อปที่ดังที่สุดตลอดกาล และเผยข้อพิสูจน์ว่าแวดวงดนตรีไม่มีคำว่าพรมแดนหรือข้อจำกัดทางภาษาที่จะมาขวางกั้นได้

 

เรื่องย่อ

หลังจากเปิดตัวครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2016 แบล็กพิงก์ก้าวขึ้นมาเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปเค-ป็อปฮอตฮิตติดท็อปชาร์ตสูงสุดตลอดกาลจากเพลงแนวใหม่ มิวสิกวิดีโอที่ตื่นตาตื่นใจ และแฟชั่นโดนใจชาวเน็ต สารคดี BLACKPINK: LIGHT UP THE SKY จะเปิดโลกของแบล็กพิงก์ให้บรรดา "บลิ๊งค์" ทั่วโลกได้เห็นช่วงเวลาที่ไม่มีใครเคยได้เห็นมาก่อนและรอคอยมานานหลายปี

สารคดีเรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของแคโรลิน เซอ (จาก "เปรี้ยว ร้อน มัน เค็ม (Salt Fat Acid Heat)" ทาง Netflix) และจะพาไปเจาะลึกเรื่องราวของสมาชิกแต่ละคนในวง ทั้งจีซูหรือออนนี่ (“พี่สาวคนโต”) ของวงที่พกไหวพริบปฏิภาณและอารมณ์ขันแนวๆ เจนนี่ แรปเปอร์สุดเฟียร์ซบนเวทีที่จริงๆ แล้วเป็นคนไม่ค่อยพูด โรเซ่ สาวเสียงสวยจากออสเตรเลียที่เข้ามาในฐานะนักร้องนักแต่งเพลง และลิซ่า แดนซิ่งควีนน่ารักสดใสที่คอยสร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคนในวง

แบล็กพิงก์กำลังทะยานทุบสถิติใหม่ในเส้นทางอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการทัวร์คอนเสิร์ตที่ขายตั๋วหมดทุกรอบไปจนถึงการเป็นเกิร์ลกรุ๊ปเค-ป็อปวงแรกที่ได้ขึ้นแสดงในเทศกาลดนตรีโคเชลลา แต่ในสารคดีเรื่องนี้ สมาชิกแต่ละคนจะมาเปิดอกเล่าช่วงเวลาทั้งดีและแย่จากการมีชื่อเสียง รวมทั้งเส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบไปสู่การสร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จระดับโลก BLACKPINK: LIGHT UP THE SKY จะมาเผยให้ทุกคนได้เห็นชีวิตของทั้งสี่สาวอย่างแท้จริงที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ และอิทธิพลในการสร้างวัฒนธรรมเค-ป็อปที่แผ่ขยายไปได้ไกลขึ้นอีก ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าแวดวงดนตรีไม่มีคำว่าพรมแดนหรือข้อจำกัดทางภาษาที่จะมาขวางกั้นได้

 

ถามตอบกับแคโรลิน เซอ

 

คุณเข้ามารับหน้าที่กำกับสารคดีเรื่องนี้ได้อย่างไร และเป็นแฟนเพลงเค-ป็อปมาก่อนหรือเปล่า

ดิฉันเป็นคนอเมริกันเชื้อสายเกาหลี ก็เลยไม่แปลกที่จะสนับสนุนทุกอย่างที่เป็นเกาหลีค่ะ [หัวเราะ] หลานของดิฉันรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเค-ป็อป ดิฉันก็เลยซึมซับมาจากหลานด้วย ในขณะเดียวกัน ทีมงาน Netflix ก็มีแนวคิดที่จะทำภาพยนตร์เกี่ยวกับแบล็กพิงก์อยู่แล้ว และเข้ามาถามดิฉันว่าสนใจทำไหม ซึ่งดิฉันสนใจและได้เข้ามาร่วมทีม หลังจากนั้นเราก็ไปประชุมกับ YG Entertainment หลายครั้ง โชคดีที่ทุกอย่างลงตัวพอดีค่ะ 

 

หลังจากตกลงรับงานและได้เข้ามาสัมผัสเรื่องราวและเพลงของแบล็กพิงก์มากขึ้น คุณมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง

ถ้าพูดถึงเค-ป็อปในภาพรวม ดิฉันไม่เคยรู้เลยว่าวงการนี้ใหญ่ขนาดไหนและสำคัญกับเกาหลีแค่ไหน การได้เรียนรู้เรื่องราวทั้งหมดในภาพรวมเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากค่ะ หลังจากนั้น ดิฉันก็เริ่มดูวิดีโอของแบล็กพิงก์ แล้วก็ต้องทึ่งไปกับงานโปรดักชั่นที่อลังการและล้ำสมัยมาก ตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผมไปจนถึงฉากการแสดง เพลงทั้งหมดก็ทำมาดีมากๆ พอได้ดูแล้ว ก็แทบจะเลิกดูไม่ได้เลยค่ะ 

 

ตอนนั้นใช้เวลาหาข้อมูลนานแค่ไหน และคุณต้องติดตามถ่ายทำสารคดีกับแบล็กพิงก์ไปนานแค่ไหน 

เราใช้เวลาหาข้อมูลไม่กี่เดือนก่อนเริ่มถ่ายทำจริง จากนั้นจึงเดินทางไปเกาหลี 2 ครั้ง ครั้งแรกคือช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2019 แล้วกลับไปอีกครั้งก่อนเกิดโควิดระบาดช่วงต้นปี 2020 เราโชคดีที่กลับไปเกาหลีก่อนที่ทุกอย่างจะล็อกดาวน์ ช่วงนั้นเป็นช่วงก่อนที่ทุกคนจะทราบข่าวค่ะ แต่จริงๆ แล้วคนเกาหลีติดตามข่าวและทำงานกันไวอยู่แล้ว เวลาจะเข้าโรงแรม ก็จะมีคนมาคอยตรวจวัดเชื้อโรคและอุณหภูมิ ดิฉันไปพบเท็ดดี้ [พาร์ค] ก่อนที่ทางวงจะตอบรับทำหนังเรื่องนี้ และดิฉันเองก็ไปดูแบล็กพิงก์ที่พรูเดนเชียลเซ็นเตอร์ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ คอนเสิร์ตครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ดิฉันได้เห็นกับตาว่าแฟนๆ เหนียวแน่นและตื่นเต้นกับวงแค่ไหน สถานที่จัดงานเป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่ มีแฟนๆ ทุกกลุ่มมาดูคอนเสิร์ตกันล้นหลาม ดิฉันจึงเข้าใจว่าแฟนคลับของวงนี้กว้างมากจริง 

 

แบล็กพิงก์ต้องเก็บโปรเจ็กต์นี้ไว้เป็นความลับตลอดเวลา และต้องปิดปากเงียบไม่แพร่งพรายบอกสาธารณชน คุณรู้สึกอย่างไรในฐานะคนวงใน และต้องระวังเรื่องใดบ้างในการเก็บข้อมูลภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้เป็นความลับ  

สารคดีทุกเรื่องต้องเก็บไว้เป็นความลับอยู่แล้วค่ะ เราระวังตัวมาก ต้องไม่เล่าเรื่องการถ่ายทำให้คนนอกรับรู้ ก็เลยถือเป็นเรื่องปกติ แต่ดิฉันได้มาเข้าใจภายหลังว่าใครๆ ก็อยากรู้ข้อมูลความเป็นไปของวงแบล็กพิงก์กันมากๆ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตส่วนตัว แฟชั่นการแต่งตัวที่เลือกใช้ ไปจนถึงเพลงของวง สมาชิกทุกคนในวงช่วยกันทำเพลงที่ยังไม่ปล่อยออกมาให้แฟนๆ ได้ฟังกันตลอดเวลา ซึ่งน่าสนใจมากเพราะเราดูไม่ออกว่าผลงานที่ปล่อยออกมาเกิดจากความทุ่มเทของวงขนาดไหน ดิฉันรู้สึกว่าเขาเข้าสตูดิโอกันตลอด ลองทำเพลงใหม่ๆ แล้วดูว่าเพลงไหนจะออกมาดีที่สุด  

 

แบล็กพิงก์ทำผลงานอะไรอยู่ตอนที่ถ่ายทำสารคดี 

ตอนที่เรายกกองไปถ่ายทำ เขาทำเพลงที่เพิ่งปล่อยออกมาอยู่ค่ะ เราเลยได้ช็อตที่แบล็กพิงก์กำลังฟังเพลง “Sour Candy” ที่ฟีเจอริ่งกับเลดี้กาก้า ก่อนจะปล่อยออกมาให้แฟนๆ ได้ฟัง ซึ่งมันเจ๋งมาก ดิฉันชอบเพลงนั้นมากๆ ค่ะ

 

เราแปลกใจที่ได้เห็นสมาชิกทุกคนอินกับการพูดถึงโครงการศิลปินฝึกหัดมาก ซึ่งเป็น “โรงเรียนเค-ป็อป” ที่ฝึกโหดสุดๆ และศิลปินส่วนใหญ่ต้องเข้าฝึกหัดกันหลายปี เพราะส่วนใหญ่ศิลปินเค-ป็อปจะไม่พูดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่

แบล็กพิงก์เล่าเรื่องนี้แบบเปิดเผยมากค่ะ ซึ่งดิฉันก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน รู้สึกดีที่เขายอมเล่าให้ฟังว่าการเป็นศิลปินฝึกหัดนั้นโหดและเครียดแค่ไหน ประสบการณ์ส่วนนี้ถือเป็นหัวใจของหนังเลยค่ะ ทุกคนต้องผ่านการฝึกหัดแบบนั้นตอนยังเป็นวัยรุ่น และผ่านมาได้ด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทสุดๆ ซึ่งช่วยให้ทุกคนในวงพร้อมรับการเปิดตัวมากๆ ทุกคนเล่าว่าการฝึกครั้งนั้นหนักจริงๆ และพูดคำหนึ่งเป็นเสียงเดียวกันในการสัมภาษณ์ครั้งนั้นว่า “หนูไม่ยอมแพ้หรอกค่ะ” 

 

มาพูดถึงสมาชิกในวงทีละคนกันดีกว่า เริ่มจากจีซู พี่ใหญ่ของวงและเป็นสมาชิกคนเดียวที่โตมาในเกาหลีช่วงวัยเด็ก

จีซูเล่าในหนังว่าเธอเป็นออนนี่ หรือพี่คนโดของวง ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ คือคอยดูแลน้องๆ ทุกคน สิ่งที่ดิฉันประทับใจมากก็คือตอนที่เท็ดดี้พูดถึงจีซูว่า “คนมองว่าเธอเป็นคนหัวดี แต่ไม่ใช่แค่นั้นเพราะเธอไหวพริบดีด้วย เป็นคนสุขุมใจเย็น มีความเข้มแข็งแบบหนักแน่นอยู่ลึกๆ คนอาจจะมองข้ามเธอไปเพราะดูเป็นคนอ่อนโยน แต่จริงๆ แล้วแฝงไว้ด้วยความเข้มแข็งข้างใน”

 

มาถึงเจนนี่ สาวแร็ปไฟแล่บสุดเฟียร์ซทั้งในมิวสิกวิดีโอและบนเวที คุณคิดว่าหนังเรื่องนี้จะแสดงให้เห็นแฟนๆ เห็นด้านไหนในตัวเธอบ้าง 

เจนนี่เป็นคนตรงและคนจริง เวลาเห็นอะไรก็จะพูดออกมาแบบไม่อ้อมค้อม ดิฉันประทับใจเธอในจุดนี้มาก เธอบอกว่าตัวเองเป็นคนขี้อายมาก ซึ่งหลายคนคงแทบไม่เชื่อหู และเธอก็เป็นคนที่ทำอะไรเป๊ะสุดๆ ในช่วงถ่ายทำ เธอจะคอยมาคุยกับเราว่าจะถ่ายอะไรบ้างเพื่อให้ภาพที่ออกมาดูจริงที่สุด เจนนี่เป็นคนที่กล้าพูดในสิ่งที่คิด ดิฉันชอบดูการสัมภาษณ์ของเธอเพราะเธอพูดตรงแบบไม่มีสร้างภาพเลยค่ะ 

 

ต่อด้วยโรเซ่ สาวออสเตรเลียเชื้อสายเกาหลีซึ่งดูมุ่งมั่นมากในหนัง

โรเซ่เป็นคนที่ไฟแรงมากและพยายามพัฒนาตัวเองในฐานะศิลปิน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับเธออยู่เหมือนกัน การได้เห็นเธอทำงานหนักเพื่อสร้างสรรค์ผลงานเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจมากค่ะ ดิฉันชอบตอนหนึ่งในหนังมากเป็นพิเศษคือตอนที่เธอพยายามเขียนเพลงในห้องอัด เหมือนเธอลืมไปเลยว่าเราอยู่ตรงนั้นด้วย ซึ่งไม่มีสคริปต์นะคะ หลังจากนั้นโรเซ่ก็บอกว่าคิดถึงช่วงที่เป็นเด็กฝึกหัดและได้ฟังเพลงตลอดเวลา แต่ตอนนี้เธอต้องหาเวลาลองผิดลองถูกกับการทำเพลงทั้งคืน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอมุ่งมั่นและรักการทำเพลงมากขนาดไหน 

 

คนสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ช่วยพูดถึงลิซ่า น้องเล็กที่สดใสร่าเริงของวงให้เราฟังสักเล็กน้อยได้ไหม

ลิซ่าเป็นคนที่น่ารักมาก ทุกคนในวงรักและดีใจที่มีลิซ่าในวง เวลาพูดถึงลิซ่าก็จะพูดด้วยความชื่นชม ดิฉันว่าลิซ่าช่วยดึงอารมณ์ของทุกคนได้ และทุกคนในวงพูดเหมือนกันว่าตอนที่เป็นเด็กฝึกหัด ลิซ่ามีพรสวรรค์ทำได้ดีในทุกด้านและเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ลิซ่าก็ไม่ใช่คนที่ทำอะไรแบบเครียดจนจริงจังหรือกดดันตัวเองเกินไป เป็นคนที่ปล่อยตัวเองสบายๆ มากกว่า

 

คนสำคัญอีกคนหนึ่งในสารคดีเรื่องนี้คือเท็ดดี้ พาร์ค โปรดิวเซอร์มือทองของค่าย YG Entertainment และเป็นบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตส่วนใหญ่ของแบล็กพิงก์ เราไม่ค่อยได้ยินได้ฟังอะไรจากเขามาก เพราะเขาขึ้นแท่นตำนานแห่งวงการเค-ป็อปไปแล้ว ช่วยเล่าเรื่องเท็ดดี้ให้เราฟังหน่อยได้ไหม

ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องเท็ดดี้มากเท่าไหร่หรอกค่ะ ตอนที่ดิฉันเจอเขาครั้งแรก เขาเป็นคนน่ารักมาก ช่างคิดละเอียดลออ แต่ก็น่าเกรงใจด้วยเหมือนกัน เขาไม่อยากเผยตัวเองในหนังเพราะเกลียดการเข้ากล้องค่ะ ตอนแรกเขายอมแค่ให้เสียงสัมภาษณ์เท่านั้น แต่พอเราเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น เขาก็ยอมให้สัมภาษณ์ออกกล้องค่ะ บางครั้งคนที่ไม่อยากเข้ามามีส่วนร่วมกลับมีเรื่องเล่ามากมายเลยทีเดียว เขาเป็นคนที่พูดฉะฉานมาก สาวๆ พูดถึงเขาด้วยความชื่นชมและนับถือ ซึ่งดิฉันมาเข้าใจด้วยตัวเองในภายหลัง เขาเป็นคนที่มีความคิดโตมากๆ และเป็นเพื่อนที่ดีของคนในวงด้วย

 

ตอนที่คุณถ่ายทำแบล็กพิงก์ ดูเหมือนว่าสาวๆ จะปูทางมาดีมากจนดังเป็นพลุแตกในปี 2020 คุณคิดว่าแบล็กพิงก์รู้สึกไหมว่านี่เป็นจุดพลิกผันครั้งสำคัญในอาชีพ

เวลาถามคำถาม ดิฉันมักจะเกริ่นว่า “ตอนนี้น้องๆ ประสบความสำเร็จแล้ว…” แล้วทุกคนในวงก็จะพูดออกมาจากใจจริงว่าไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย กลับรู้สึกว่าเดินมาได้เพียงครึ่งทางต่างหาก เขาอยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากขึ้นไปอีก อย่างที่เจนนี่พูดว่าทุกคนยังมีอะไรให้ทุกคนได้เห็นอีกเยอะ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะรู้สึกกดดันประมาณว่า “เราประสบความสำเร็จมากแล้ว ต้องทำให้ดีกว่าเดิมอีก” แต่ดิฉันว่าแบล็กพิงก์กำลังสนุกไปกับมันมากกว่าค่ะ

 

มีช่วงไหนไหมที่คุณรู้สึกได้จริงๆ ว่าวงนี้ดังแค่ไหนหรือแฟนคลับเหนียวแน่นขนาดไหน 

แบล็กพิงก์ไปงานอีเวนต์ในห้าง ซึ่งเปิดให้แฟนคลับ 100 คนแรกเข้ามาขอลายเซ็นได้ มันน่าทึ่งมากค่ะ แฟนคลับทุกคนเอาของขวัญมาให้ สาวๆ ต้องแจกลายเซ็น 100 ครั้ง มันดูน่าเหนื่อยเหมือนกันนะคะ แต่สาวๆ ใจดีกับแฟนคลับมาก แล้วแฟนคลับก็อยากเข้ามาใกล้ชิดกับเขา ดิฉันคิดกับตัวเองว่า “โอ้โห แบล็กพิงก์ทรหดเหมือนกันนะ” เขาเป็นมืออาชีพกันจริงๆ ค่ะ

 

คุณคิดว่าสมาชิกในวงผูกพันกันแบบไหน จะอธิบายความเป็นพี่เป็นน้องของวงอย่างไร 

ทุกคนเป็นเหมือนพี่น้อง เป็นครอบครัวกันจริงๆ มีการพูดคุยกันว่าจะให้ความสำคัญกับทุกคนเท่าๆ กัน คือไม่มีการเอาเปรียบกัน ทุกคนจัดการอารมณ์ความรู้สึกและการใช้ชีวิตเพื่อให้ไปด้วยกันทั้งทีมได้ ทุกคนรู้ซึ้งถึงการทำงานเป็นกลุ่มเป็นก้อนในวงเล็กๆ ของตัวเอง อยากให้ทำทุกอย่างออกมาแล้วมีความสุข ดีกับทุกคน และอยากให้ทุกคนได้ดี เขารู้ดีว่าหลังจากเข้ามาอยู่วงเดียวกันแล้ว ทุกคนจะต้องรับผิดชอบกันและกันด้วย

 

คุณหวังว่าผู้ที่ชมสารคดีเรื่องนี้จะได้แง่คิดอะไรไปบ้าง

สารคดีเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวที่เรียบง่าย เรื่องราวของวัยรุ่นที่ทำความฝันให้เป็นจริงผ่านเส้นทางที่หนักหน่วงและน่าท้อใจ ดิฉันว่าเรื่องราวแบบนี้สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนได้เป็นอย่างดีจากการได้เห็นคนที่ทุ่มเทสุดตัวและผลักดันตัวเองไปสู่ความสำเร็จ สาวๆ ในวงแบกรับความคาดหวังไว้เยอะมากในฐานะไอดอล ดิฉันหวังว่าหนังเรื่องนี้จะเผยให้ผู้ชมได้เข้าใจเขาในด้านความเป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งและมองเขาในฐานะมนุษย์คนหนึ่งด้วยเช่นกัน

 

เส้นทางสายอาชีพของแบล็กพิงก์ 

29 มิถุนายน 2016: หลังจากมีกระแสและการคาดการณ์ออกมาหลายปี ในที่สุด YG Entertainment ก็ประกาศเปิดตัววง
เกิร์ลกรุ๊ปวงแรกของบริษัทในช่วง 7 ปีภายใต้ชื่อแบล็กพิงก์

8 สิงหาคม 2016: แบล็กพิงก์ปล่อยอัลบั้มซิงเกิ้ลแรกที่ชื่อว่า Square One ซึ่งประกอบด้วยเพลง “Whistle” และ “Boombayah” ที่ขึ้นอันดับ 1 และ 2 ในชาร์ตบิลบอร์ด โดยแบล็กพิงก์ถือเป็นวงที่ไต่อันดับเพลงได้เร็วที่สุดและเป็นศิลปินเกาหลีเพียงวงที่สามที่ประสบความสำเร็จในระดับนี้

1 พฤศจิกายน 2016: แบล็กพิงก์ปล่อยอัลบั้มซิงเกิ้ลที่สองที่ชื่อว่า Square Two ซึ่งประกอบด้วยเพลง “Playing with Fire” และ “Stay” โดย “Playing with Fire” เป็นซิงเกิ้ลที่สองของวงที่ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตบิลบอร์ดได้

22 มิถุนายน 2017: แบล็กพิงก์ปล่อยซิงเกิ้ลดิจิทัลเดี่ยวซิงเกิ้ลแรก “As If It’s Your Last” ซึ่งเปิดตัวอันดับ 1 ในชาร์ตบิลบอร์ด และมิวสิกวิดีโอได้ยอดไลค์ใน YouTube มากกว่าวงเกิร์ลกรุ๊ปเค-ป็อปทุกวง

ปี 2018: แบล็กพิงก์เซ็นสัญญากับค่าย Interscope Records ในฐานะพันธมิตรระดับโลกของ YG Entertainment

15 มิถุนายน 2018: แบล็กพิงก์ปล่อยอัลบั้ม EP ภาษาเกาหลีที่ชื่อว่า Square Up เป็นอัลบั้มแรก ซึ่งนำโดยซิงเกิ้ล  “Ddu-Du Ddu-Du” จากนั้นสร้างปรากฏการณ์วงเกิร์ลกรุ๊ปเค-ป็อปที่นำเพลงฮิตติดชาร์ตสูงสุดอันดับที่ 55 ใน Billboard Hot 100 ส่วนมิวสิกวิดีโอเพลง “Ddu-Du Ddu-Du” กวาดยอดวิวได้ถึง 36.2 ล้านวิวภายใน 24 ชั่วโมง และกลายเป็นมิวสิกวิดีโอจากวงเกิร์ลกรุ๊ปเค-ป็อปที่กวาดยอดวิว 100 ล้านวิวได้เร็วที่สุด หรือภายใน 10 วัน และหลังจากนั้นยังทุบสถิติเป็นมิวสิกวิดีโอจากวงเกาหลีที่ได้ยอดวิวมากที่สุดใน YouTube 

19 ตุลาคม 2018: ดัว ลิปา นักร้องชาวอังกฤษปล่อยเพลง “Kiss and Make Up" ที่ฟีเจอริ่งกับแบล็กพิงก์ และนี่คือการร่วมงานครั้งสำคัญกับศิลปินระดับโลกครั้งแรกของแบล็กพิงก์

10 พฤศจิกายน 2018: การทัวร์คอนเสิร์ต BLACKPINK World Tour (In Your Area) เริ่มต้นที่กรุงโซลและขยายไปยังเมืองใหญ่ใน 4 ทวีป อาทิ กรุงเทพมหานคร ปารีส นวร์ก และซิดนีย์ หลังจากการทัวร์คอนเสิร์ตสุดท้ายในเมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่นจบลง แบล็กพิงก์กลายเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปเค-ป็อปที่กวาดรายได้มากที่สุดตลอดกาล

5 เมษายน 2019: แบล็กพิงก์ปล่อยอัลบั้ม EP “Kill This Love” และซิงเกิ้ลแรกที่ใช้ชื่อเดียวกัน ซึ่งกลายเป็นอัลบั้มและเพลงติดอันดับสูงสุดของวงใน Billboard 200 และ Billboard Hot 100 ตามลำดับ

8 เมษายน 2019: “Kill This Love” กลายเป็นมิวสิกวิดีโอที่สร้างกระแสและโด่งดังมากที่สุดในประวัติศาสตร์ YouTube โดยแบล็กพิงก์กลายเป็นวงเค-ป็อปวงแรกที่มีมิวสิกวิดีโอ 2 เพลงซึ่งคว้ายอดวิวเกิน 1 พันล้านวิว

12 เมษายน 2019: แบล็กพิงก์เป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปเค-ป็อปวงแรกที่ได้ขึ้นแสดงในเทศกาลดนตรีโคเชลลา 

28 สิงหาคม 2020: แบล็กพิงก์เปิดตัวเพลงใหม่ “Ice Cream” โดยฟีเจอริ่งกับเซเลน่า โกเมซ และไต่อันดับที่ 13 ใน Billboard Hot 100 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่วงติดอันดับท็อป 20 ในชาร์ตนี้ นับตั้งแต่วงฟิฟท์ฮาร์โมนี แบล็กพิงก์กลายเป็นวงเค-ป็อปหญิงล้วนวงแรกที่นำเพลงขึ้นติดอันดับท็อป Top 40 ได้ติดกัน 3 เพลง

2 ตุลาคม 2020: แบล็กพิงก์ปล่อยอัลบั้มเต็มภาษาเกาหลีอัลบั้มแรกที่ชื่อว่า THE ALBUM

14 ตุลาคม 2020: BLACKPINK: Light Up The Sky มีกำหนดออกฉายทาง Netflix

 

ประวัติของวงแบล็กพิงก์

แบล็กพิงก์ BLACKPINK ใช้คำติดหู “BLACKPINK in your area!” ขึ้นต้นเนื้อเพลงซิงเกิ้ลหลักๆ หลายเพลง และในปี 2020 นี้ดูเหมือนว่าคำๆ นี้เป็นจริงไม่น้อยเพราะแบล็กพิงก์ยึดพื้นที่และหัวใจคนทั้งโลกไปแล้ว

นับตั้งแต่นาทีที่ YG Entertainment เปิดตัวแบล็กพิงก์ในปี 2016 หลังจากมีกระแสออกมาหนาหู สมาชิกทั้ง 4 คนของวงก็ทุบสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยซิงเกิ้ล 2 เพลงแรกอย่าง “Whistle” และ “Boombayah” ครองอันดับ 1 และอันดับ 2 ใน Billboard World Chart ตั้งแต่เปิดตัว และแบล็กพิงก์กลายเป็นศิลปินที่ไต่อันดับชาร์ตเพลงได้เร็วที่สุด นอกจากนี้ ยังทุบสถิติของตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่มิวสิกวิดีโอ “Ddu-Ddu Ddu-Ddu” “Kill This Love” และ “How You Like That” ที่คว้ารางวัล VMA ช่วงซัมเมอร์ของปีนี้ไปครอง ในขณะเดียวกันแบล็กพิงค์ก็ทำสถิติ Guinness World Records 5 ครั้ง รวมไปถึงการเปิดตัวมิวสิกวิดีโอที่กวาดยอดวิวสูงสุดในขณะนั้น หลังจากปล่อยอัลบั้มเต็มภาษาเกาหลีอัลบั้มแรกในวันที่ 2 ตุลาคมนี้ สารคดี BLACKPINK: LIGHT UP THE SKY จาก Netflix ถือเป็นผลงานปิดปีแห่งความสำเร็จระดับพลิกวงการในฐานะวงเกิร์ลกรุ๊ปเค-ป็อปที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตลอดกาล 

ตั้งแต่วันแรกที่แบล็กพิงก์ตั้งวง มิวสิกวิดีโอที่ล้ำสมัยและเพลงป็อปฮิตติดหูซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลงานสร้างของเท็ดดี้ พาร์ค โปรดิวเซอร์มือทองของค่าย YG Entertainment ถือเป็นหัวหอกที่สำคัญในการสร้างฐานแฟนคลับแบล็กพิงก์ไปทั่วโลก เป็นการขยายอิทธิพลทางดนตรีในหลายวัฒนธรรมและก้าวข้ามข้อจำกัดทางภาษา ปัจจุบันแบล็กพิงก์ขึ้นแท่นวงเกิร์ลกรุ๊ปเค-ป็อปที่มีเพลงฮิตติดชาร์ต Billboard Hot 100 และ Billboard 200 มากที่สุด และได้ร่วมงานกับศิลปินระดับโลกที่มีผลงานเพลงภาษาอังกฤษ เช่น เลดี้กาก้าและดัว ลิปา ต่อมาในปี 2019 แบล็กพิงก์ออกทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกครบ 23 เมืองใน 4 ทวีป โดยทำการแสดง 32 ครั้ง รวมทั้งจัดโดมทัวร์ในญี่ปุ่น 4 งาน และเร็วๆ นี้ แบล็กพิงก์ได้ร่วมงานกับเซเลน่า โกเมซในเพลง “Ice Cream” และไต่อันดับท็อป 20 ใน Billboard 100 เป็นครั้งแรก โดยมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ทำสถิติวิดีโอเพลงที่มียอดวิวใน YouTube มากที่สุดเป็นอันดับ 3 หลังจากหลังเปิดตัวไปแล้ว 24 ชั่วโมง

นอกจากงานดนตรีและมิวสิกวิดีโอชั้นแนวหน้าแล้ว แฟนคลับแบล็กพิงก์ที่เรียกกันว่า “บลิ๊งค์” ยังชื่นชอบเคมีและความมีเสน่ห์ของสมาชิกทั้ง 4 คนในวง เริ่มจากจีซูหรือออนนี่ (“พี่สาวคนโต”) หัวไว เจนนี่ เจ้าแม่แฟชั่นและแร็ปเปอร์หลักของวง โรเซ่ นักร้องที่มีเสียงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มากที่สุดคนหนึ่งในวงการเพลงป็อป และลิซ่า แดนซิ่งควีนและมักเน่ (น้องคนสุดท้อง) ของกลุ่ม สมาชิกทั้ง 4 คนมารวมตัวกันจากคนละประเทศ ทั้งเกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และไทย หลังจากผ่านการคัดตัวสุดโหดและได้มาเจอกันในโครงการศิลปินฝึกหัดของค่าย YG Entertainment สาวๆ ทั้ง 4 คนก็สร้างความผูกพันเหนียวแน่นตลอดมา

หลังจากผ่านการฝึกหัดอันหนักหน่วงและอุปสรรคอื่นๆ ที่ศิลปินเค-ป็อปชั้นระดับท็อปต้องเจอแล้ว จีซู เจนนี่ โรเซ่ และลิซ่าตั้งใจว่าจะไม่หยุดเพียงความสำเร็จและความชื่นชมที่ได้รับ แต่ยังเดินหน้าคว้าเป้าหมายใหม่ๆ ต่อไป โดยปล่อยอัลบั้มเต็มภาษาเกาหลีอัลบั้มแรกที่ชื่อว่า THE ALBUM ออกมาในวันที่ 2 ตุลาคม ดังที่ปรากฏในสารคดี BLACKPINK: LIGHT UP THE SKY เราจะได้เห็นว่าเส้นทางของแบล็กพิงก์เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น และบรรดาบลิ๊งค์ทั่วโลกยังรอคอยผลงานใหม่ๆ จากพวกเธอเสมอ

 

ประวัติแคโรลิน เซอ (ผู้กำกับ)

แคโรลิน เซอเป็นผู้สร้างสารคดีอิสระที่เคยมีผลงานผ่านตาทาง Netflix, CNN Films, Sundance Channel, PBS, Epix, A & E, History Channel และอีกหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ รายการทีวี และโฆษณา ตลอดระยะเวลา 20 ปีในวงการบันเทิง แคโรลินเป็นทั้งผู้กำกับ ผู้สร้าง และผู้จัดซีรีส์และภาพยนตร์ชั้นนำหลายเรื่อง และเคยมีผลงานซีรีส์ 4 ตอนทาง Netflix เรื่อง SALT, FAT, ACID, HEAT ที่ดัดแปลงจากหนังสือขายดีของซามิน โนสราตและสร้างโดยบริษัท Jigsaw Productions ของอเล็กซ์ กิบนีย์ นอกจากนี้ เธอยังสร้างและกำกับซีรีส์ 6 ตอนเรื่อง 4% ที่ออกฉายทาง Epix ซึ่งเป็นการตีแผ่ประเด็นในแวดวงฮอลลีวูดที่ขาดแคลนผู้กำกับหญิง ก่อนหน้านี้ แคโรลินยังเคยรับหน้าที่ผู้จัดและผู้กำกับซีรีส์ ICONOCLASTS ของ RadicalMedia ให้กับ Sundance Channel ตลอดจนร่วมมือกันสร้างผลงานโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และโฆษณามากมาย ทั้งนี้ เส้นทางสู่การเป็นผู้กำกับของแคโรลินเริ่มต้นจากการกำกับภาพยนตร์ FRONTRUNNERS (Oscilloscope Pictures) ที่ได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์อย่างล้นหลาม


 

ประวัติคาร่า โมเนส (ผู้สร้าง)

รอการอัปเดตประวัติ 

 

รวมคำศัพท์ฉบับแฟนคลับเค-ป็อป

Bias (ไบแอส): เราไม่จำเป็นต้องรักสมาชิกทุกคนในวงโปรดเท่าๆ กันก็ได้ คนที่เป็น “Bias” ของเราคือสมาชิกในวงที่เราเป็นติ่งมากที่สุด ส่วนศัพท์อีกคำที่ลึกกว่าคำว่า Bias คือ “Bias Wrecker” ซึ่งหมายถึงสมาชิกในวงที่น่ารัก ตลก และมากความสามารถจนถึงขั้นชิงตำแหน่ง Bias ได้ ส่วน “Ultimate Bias” คือไอดอลที่เราชอบมากที่สุดในบรรดาทุกวง หรือเรียกง่ายๆ ว่าขวัญใจสุดโปรดนั่นเอง

BLINK (บลิ๊งค์): บลิ๊งค์คือคำที่ใช้เรียกแฟนคลับของแบล็กพิงค์อย่างเป็นทางการ ซึ่งวงทุกวงจะมีชื่อเรียกแฟนคลับของตัวเองอยู่แล้ว การเป็นแฟนคลับเค-ป็อปไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เราต้องรู้ว่าแฟนคลับใช้คำเรียกวงที่ชอบว่าอะไร โบกแท่งไฟเชียร์ แชร์และสนับสนุนผลงานของวงด้วย อยู่เคียงข้างกันตลอดไป (BLINKs Forever!)

Comeback (คัมแบ็ค): ศัพท์คำนี้น่าจะสร้างความตื่นเต้นให้แฟนคลับเค-ป็อปได้มากที่สุด ซึ่งหมายถึงเวลาที่วงออกเพลงใหม่และเดินสายโปรโมตรอบใหม่ วงเค-ป็อปหลายๆ วงปล่อยมินิอัลบั้ม 3-4 อัลบั้มต่อปี โดยแต่ละอัลบั้มจะมีการคัมแบ็คเป็นของตัวเอง แต่แบล็กพิงก์ขึ้นชื่อเรื่องความพิถีพิถันมากเป็นพิเศษ การได้เห็นแบล็กพิงก์คัมแบ็คปีละครั้งถือเป็นโชคของบรรดาบลิ๊งค์แล้ว และปี 2020 ถือเป็นปีแห่งโชคจริงๆ ที่แบล็กพิงก์ทุบสถิติปล่อยเพลงออกมาถี่ที่สุด

Lightstick (แท่งไฟ): วงเค-ป็อปส่วนมากจะมีแท่งไฟที่ทำตามธีมวงของตัวเอง ซึ่งแฟนคลับถือว่าเป็นเหมือนคทาวิเศษ ด้านแบล็กพิงก์ก็มีแท่งไฟที่เจ๋งที่สุดด้วยเหมือนกัน โดยออกแบบมาเป็นค้อนติดรูปหัวใจ ซึ่งจะเปิดไฟและกะพริบตามเสียงเพลง หรือส่งเสียงได้เมื่อทุบ เราจะได้เห็นคลื่นไฟสีชมพูมหาศาลเวลาชมคอนเสิร์ตของวง

Trainee (เด็กฝึก): ไอดอลเค-ป็อปส่วนมากต้องผ่านการฝึกอันหฤโหดต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีก่อนเปิดตัว การแข่งขันในวงการเค-ป็อปถือว่าสูงมาก และไอดอลแต่ละคนแบกความคาดหวังที่ว่าจะต้องเต้นท่ายากและซับซ้อนบนเวทีให้ได้ รวมทั้งต้องวางตัวดีเพียบพร้อมทั้งบนเวทีและในชีวิตจริง มีเพียงเด็กฝึกที่มีความสามารถและความทุ่มเทมากที่สุดเท่านั้นที่จะได้เปิดตัวเป็นศิลปิน


 

เครดิต

กำกับโดย แคโรลิน เซอ

 สร้างโดย คาร่า โมเนส

 อำนวยการสร้างโดย จอน คาเมน 

เดฟ ซิรัลนิค

ซาร่า ดัฟฟี่

ฮวังโบคยอง

จอห์น จานิค

เท็ดดี้

จูจอง โจ

เจเรมี่ เออร์ลิค

 ผลงานผลิตจาก RadicalMedia 

ผู้กำกับภาพ ลุค แม็คคูบรีย์

 ตัดต่อโดย ปีเตอร์ โฮล์มส์

 ตัดต่อเพิ่มเติมโดย เอ็มเมตต์ แอดเลอร์

เมแกน เบรนแนน 

โจนาห์ โมแรน

 เพลงประกอบโดย อัสกะ มัตสึมิยะ

 ผู้ช่วยควบคุมดำเนินงานสร้าง หลุยส์ เชลตัน

 

ผู้ช่วยผู้สร้าง ไมเคิล ชาร์คีย์

 ผู้ควบคุมงานหลังการถายทำ แคลร์ มอฟชอน

 ผู้ควบคุมเพลงประกอบ เจนนิเฟอร์ ชิลเลอร์

 ผู้จัดหาเพลงประกอบอื่นๆ แมตต์ แบลงค์ 

 หัวหน้าผู้ช่วยผู้ตัดต่อ แคลวิน ชอย

 ผู้ช่วยผู้ตัดต่อ เจสัน ยู

 ผู้ช่วยผู้ตัดต่อ จูเรียร์ นูเนซ 

 ผู้ออกแบบกราฟิก เคซีย์ แม็คเกอร์

 ผู้ออกแบบกราฟิกเพิ่มเติม เอริก โรดิเจอร์

 ผู้สร้างในกรุงโซล แอรอน โช 

วิกกี้ วอน

 ผู้ประสานงานฝ่ายผลิต เจมส์ หยู

ผู้ช่วยผู้สร้างหน้างาน มาธุระ เบอร์แมน

 ผู้ช่วยฝ่ายผลิตฉาก ฮุนจีฮอง

อาห์รึม คีม

 ผู้บันทึกเสียง เอ็มเจ ลี

 ผู้ช่วยผู้กำกับหนึ่ง แกรม ดีนีน 

 ผู้ช่วยตากล้อง คิมเทยอง 

 ช่างเทคนิคฝ่ายภาพดิจิทัล บิล ซิซาร์ 

 

หัวหน้าฝ่ายไฟ   ฮันจีอัป

 ช่างไฟ ทิม ฮัน 

 ผู้ช่วยฝ่ายผลิตในสำนักงาน เมแกน เดอร์จินส์

  คาริสเซ่ ดังค์ลีย์

อัลลิสัน ฮาร์แมน

 ผู้ถอดเสียง/นักแปล โคเฮริน

           โจวานี รีมัวร์

                 อึมจีวอม

           อีเดน วอลล์

บริการขั้นตอนหลังการถ่ายทำ Outpost Digital NY

 ผู้อำนวยการสร้าง เบรนแดน เฮอร์มีส

 ผู้สร้างอาวุโส เจมส์ อูมิโนวิคส์

 ผู้ควบคุมและผลิตรายการ แฮนนาห์ แม็คโดนัลด์ 

 หัวหน้าวิศวกรเทคนิค อเล็กซานเดอร์ ซานโตโร

 วิศวกรควบคุมและผลิตรายการ ลูอิส เฮดลีย์-โนเบิล

 เจ้าหน้าปฏิบัติงานในห้องเครื่อง ซานเต้ เฟอร์รานเต้ 

 

RadicalMedia

 

ประธานบริษัท  แฟรงค์ เชอร์มา

 

ผู้บริหารควบคุมฝ่ายปฏิบัติการ เมเรดิธ เบนเนตต์

 ผู้กำกับการผลิต เอมิลี่ คิว. ออสบอร์น

 หัวหน้าฝ่ายผลิต อิสเมล กอนซาเลซ 

 หัวหน้าฝ่ายผลิต คอนสแตนตินา โคนูเกรส 

 ผู้ควบคุมฝ่ายผลิต เอริก โฮลต์ซ

นักบัญชีควบคุมงานสร้าง รีเบกก้า โคเฮน 

 ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกิจการและกฎหมาย เจสัน บีคแมน 

 ผู้จัดการฝ่ายติดต่อประสานงานฝ่ายกิจการและกฎหมาย โพรูล โมเสส       

 ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสาร นิกิ คาซาคอส 

 ผู้ช่วยจอน คาเมนและซาร่า ดัฟฟี่ เคท กรีนเบิร์ก 

 ผู้ช่วยเดฟ ซิรัลนิคและเมเรดิธ เบนเนตต์ ซาแมนต้า มัสตารี

 กำกับสีโดย Light Iron 

 ศิลปินแก้สีภาพดิจิทัล อเล็กซ์ ดูรี 

 ผู้ผลิตสื่อดิจิทัล แมตต์ ฮูเบิร์ต 

 สตูดิโอมิกซ์เสียง Harbor 

 ผู้ควบคุมการมิกซ์เสียงทั้งหมด จอช เบอร์เกอร์       

 ผู้ผลิตอาวุโส ฝ่ายเสียงประกอบ เคลซี วิกมอร์ 

 ผู้ควบคุมการมิกซ์เสียงเพิ่มเติม เจฟ คีเลอร์          

 

ผู้ตัดต่อเพลง มิค กอร์มาลีย์

 ฝ่ายกฎหมาย เอเลนอร์ เอ็ม. แล็คแมน

 เอื้อเฟื้อฟุตเทจเก่าและภาพโดย BBC Motion Gallery/Getty Images

ไบรอัน แวน เดอร์ บรุก/Getty Images Entertainment    

                                  ภาพฟุตเทจ  Coachella Footage Courtney of GoldenVoice Coachella 2019

                                                       ขอบคุณ Interscope Records ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Universal Music Enterprises 

                             พัคแจยอง

คริสโตเฟอร์ พอล์ค/Shutterstock

                คิมเจนนี่

                  คิมจีซู

    ลลิษา มโนบาล

    MBC

                 Pond5

       ริช ฟิวรี่/Getty Images Entertainment 

      Shutterstock

                  YG Entertainment INC

 สื่อเพิ่มเติม Arirang News 

Big Hit Entertainment 

Gaon Music Chart 

Elle Korea 

   JTBC

          JYP Entertainment

                             Kakao M

       KBS

       KNN

           Marie Claire Korea

       Mnet

   Nylon Magazine Korea

        SBS 

           SM Entertainment 

                                Soompi

        YTN News

 คำขอบคุณพิเศษ อลิซ คัง

บลิ๊งค์

อันยูนา

                 คิมยีดุน

                   อีจูยอง 

             อีธาน ซอง

 คำขอบคุณพิเศษ Afas Live

AsiaWorld-Expo Arena 

Cotai Arena, The Ventian Macao

FirstOntario Centre

Fort Worth Convention Center 

          The Forum 

               Ice BSD

    Impact Arena 

     Infinite Energy Arena

        Kspo Dome 

            Mall of Asia Arena 

           Manchester Arena 

    Max-Schmeling-Halle

         Ntsu Arena

               Palau Sant Jordi

             Prudential Center 

          Qudos Bank Arena 

              Rod Laver Arena 

           Singapore Indoor Stadium 

                            Stadium Malawati

           The SSE Arena, Wembley

                  Zenith Paris La Villette 

 

"Ddu-Du Ddu-Du"

แต่งโดยเท็ดดี้, 24, อาร์. ที, เบ็กก้า บูม 

ขับร้องโดยแบล็กพิงก์

เอื้อเฟื้อโดย YG Entertainment/Interscope Records ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Universal Music Enterprises

 

"Lovesick Girls"

แต่งโดยเท็ดดี้, ลอเรน, จีซู, เจนนี่, แดนนี่ ชุง, 24, ไบรอัน ลี, ลีห์ เฮย์วูด, อาร์ ที, เดวิด เก็ตต้า

ขับร้องโดยแบล็กพิงก์

เอื้อเฟื้อโดย YG Entertainment/Interscope Records ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Universal Music Enterprises

 

"Sour Candy"

แต่งโดยสเตฟานี เจอร์มาน็อตตา, แมทธิว เบิร์นส์, เท็ดดี้, ไมเคิล ทักเกอร์, แมดิสัน เอมิโกะ เลิฟ, รามี่ ยาคูบ

ขับร้องโดยเลดี้กาก้าและแบล็กพิงก์

เอื้อเฟื้อโดย YG Entertainment/Interscope Records ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Universal Music Enterprises

 

"Ready For Love"

แต่งโดยเท็ดดี้, คัช, 24, วีวีเอ็น, เบ็กก้า บูม

ขับร้องโดยแบล็กพิงก์

เอื้อเฟื้อโดย YG Entertainment/Interscope Records ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Universal Music Enterprises

 "Nan Arayo (I Know)"

แต่งโดยออบรีย์ มัลลิแกน, ซิดนีย์ นาธาน,เออร์วิน รูส, ลาเวิร์น ทริปป์

ขับร้องโดยซอแทจีแอนด์บอยส์

 

"Boombayah"

แต่งโดยเท็ดดี้และเบ็กก้า บูม 

ขับร้องโดยแบล็กพิงก์

เอื้อเฟื้อโดย YG Entertainment

 

"Gangnam Style"

แต่งโดยยูกึนฮยองและพัคแจซัง 

ขับร้องโดยไซ

เอื้อเฟื้อโดย Schoolboy/Universal Republic Records ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Universal Music Enterprises

 

"Solo"

แต่งโดยเท็ดดี้และ 24 

ขับร้องโดยเจนนี่

เอื้อเฟื้อโดย YG Entertainment/Interscope Records ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Universal Music Enterprises

 

"Wait A Minute"

แต่งโดยเคร็ก ลองไมล์ส, ทิโมธี โมสลีย์, แครี่ โมสลีย์, แครี่ ฮิลสัน 

ขับร้องโดยเดอะพุซซี่แคทดอลส์

เอื้อเฟื้อโดย A&M Records ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Universal Music Enterprises

 

"The Hills"

แต่งโดยโทมัส เรย์บูลด์, อาร์หมัด บัลชี, เอ็มมานูเอล นิกเกอร์สัน, คาร์โล มอนทักนีส, อาเบล เทสเฟย์ 

ขับร้องโดยเดอะวีคเอนด์

เอื้อเฟื้อโดย The Weeknd XO & Republic/Universal Records ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Universal Music Enterprises

 

"As If It's Your Last"

แต่งโดยเท็ดดี้, บราเทอร์ซู, CHOICE37, ฟิวเจอร์เบาซ์, ลิเดีย พัค

ขับร้องโดยแบล็กพิงก์ 

เอื้อเฟื้อโดย YG Entertainment

 

"Wake Up"

แต่งโดยแซมมี่ บุช, จัสติน เรนสไตน์, ทรอย เทย์เลอร์ 

ขับร้องโดยแซมมี่

เอื้อเฟื้อโดย Star Camp Entertainment

 

"23 (feat. Miley Cyrus, Wiz Khalifa & Juicy J)" 

แต่งโดยไมลีย์ ไซรัส, จอร์แดน ฮิวสตัน, เพียร์ สลอเตอร์, ไมเคิล วิลเลียมส์ที่ 2, แคเมรอน โทมาซ, เธอรอน โทมัส, ทิโมธี โทมัส

ร่วมด้วยไมลีย์ ไซรัส เอื้อเฟื้อโดย RCA Records ร่วมด้วยจูซซี่ เจ เอื้อเฟื้อโดย Columbia Records

เอื้อเฟื้อโดย Atlantic Recording Corp.

จากการดำเนินงานร่วมกับ Warner Music Group Film & TV Licensing เอื้อเฟื้อโดย Interscope Records

ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Universal Music Enterprises

 

"I Have A Lover"

แต่งโดยชอยอึนฮาและซางยุน 

ขับร้องโดยอีอึนมี 

เอื้อเฟื้อโดย NEO-BIZ Company

 

"Hope Not"

แต่งโดยเท็ดดี้, มาสตาวู, ซอวอนจิน, ลิเดีย พัค

ขับร้องโดยโรเซ่

 

"Stay"

แต่งโดยเท็ดดี้และซอวอนจิน 

ขับร้องโดยโรเซ่

 

"When You Look Me In The Eyes"

แต่งโดยโจเซฟ โจนัส, เควิน โจนัสที่ 2, เควิน โตนัส ซีเนียร์,

นิโคลัส โจนัส, แพทริก บียังโก, เรย์มอนด์ บอยด์ 

ขับร้องโดยโรเซ่

 

"I Won't Give Up"

แต่งโดยเจสัน มราซและไมเคิล ลี แนตเตอร์

ขับร้องโดยโรเซ่

 

"Lookin Ass"

แต่งโดยโนเอล ฟิเชอร์, คีเมียน คุกส์, โอนิก้า ทันย่า มาราจ 

ขับร้องโดยนิกกี้ มินาจ

เอื้อเฟื้อโดย Cash Money Records Inc. ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Universal Music Enterprises

 

"Clarity"

แต่งโดยแมทธิว แบร์, พอร์เตอร์ โรบินสัน, อันทอน ซาสลาฟสกี้, สกายลาร์ เกรย์

ขับร้องโดยจีซู

เอื้อเฟื้อโดย Sing2Music Productions Pty Ltd

 

"Can't Feel My Face"

แต่งโดยแอนเดอร์ส สเวนสัน, อาเบล เทสเฟย์,แม็กซ์ มาร์ติน, ซาวาน โคทีชา, อาลี พายามี

ขับร้องโดยเดอะวีคเอนด์

เอื้อเฟื้อโดย The Weeknd XO & Republic/Universal Records ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Universal Music Enterprises

 

"Nobody Love"

แต่งโดยริชาร์ด โกแรนสัน, วิกตอเรีย เคลลี่, แม็กซ์ มาร์ติน, ซาวาน โคทีชา

ขับร้องโดยโรเซ่

 

"Eyes Nose Lips (feat. TAEYANG)

แต่งโดยเท็ดดี้, แดเนียล พาร์ค แดเนียล, อีซอฮุน, เบ็กก้า บูม 

ขับร้องโดยเอพิค ไฮ 

เอื้อเฟื้อโดย YG Entertainment

 

"Lean On"

แต่งโดยโมทัส เพนต์ซ, ฟิลิป เม็กเซเฟอร์, วิลเลียม กริจาห์ซีน, คาเรน ออร์สเตด, สตีฟ เกส

ขับร้องโดยเมเจอร์เลเซอร์ และดีเจสเนค ฟีเจอริ่งโม 

เอื้อเฟื้อโดย Mad Decent

จากการดำเนินงานร่วมกับ Hidden Track Music เอื้อเฟื้อโดย Interscope Records

ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Universal Music Enterprises

 

"Do You Know Me?"

แต่งโดยเท็ดดี้ ขับร้องโดย 1TYM 

เอื้อเฟื้อโดย YG Entertainment

 

"Whistle"

แต่งโดยเท็ดดี้, เบ็กก้า บูม, ฟิวเจอร์เบาซ์ 

ขับร้องโดยแบล็กพิงก์ 

เอื้อเฟื้อโดย YG Entertainment

 

"Playing With Fire"

แต่งโดยเท็ดดี้และอาร์. ที

ขับร้องโดยแบล็กพิงก์ 

เอื้อเฟื้อโดย YG Entertainment

 

"Really"

แต่งโดยเท็ดดี้, แดนนี่ ชุง, CHOICE37

ขับร้องโดยแบล็กพิงก์

เอื้อเฟื้อโดย YG Entertainment/Interscope Records ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Universal Music Enterprises

 

"Forever Young"

แต่งโดยเท็ดดี้, ฟิวเจอร์เบาซ์ และอาร์. ที

 ขับร้องโดยแบล็กพิงก์

เอื้อเฟื้อโดย YG Entertainment/Interscope Records ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Universal Music Enterprises

 

"See U Later"

แต่งโดยเท็ดดี้, อาร์. ที, 24

 ขับร้องโดยแบล็กพิงก์

เอื้อเฟื้อโดย YG Entertainment/Interscope Records ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Universal Music Enterprises

 

"Kill This Love"

แต่งโดยเท็ดดี้, เบ็กก้า บูม, อาร์. ที, 24 

 ขับร้องโดยแบล็กพิงก์

เอื้อเฟื้อโดย YG Entertainment/Interscope Records ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Universal Music Enterprises

 

"Pretty Savage"

แต่งโดยเท็ดดี้, ลอเรน, วินซ์, แดนนี่ ชุง, อาร์. ที, 24, เบ็กก้า บูม

ขับร้องโดยแบล็กพิงก์

เอื้อเฟื้อโดย YG Entertainment/Interscope Records ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Universal Music Enterprises

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X